Bishopbark เรื่องน่ารู้ ฮีทสโตรกช่วงหน้าร้อน ข้อควรระวังของน้องหมา-แมว

ฮีทสโตรกช่วงหน้าร้อน ข้อควรระวังของน้องหมา-แมว

ฮีทสโตรกช่วงหน้าร้อน ข้อควรระวังของน้องหมา-แมว post thumbnail image

“ฮีทสโตรก” (heatstroke) หรือที่หลายคนเรียกว่าโรคลมแดด เป็นอาการที่เกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถลดอุณหภูมิกายลงได้ เนื่องจากอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด และเป็นผลให้เกิดอันตรายต่อระบบอวัยวะในร่างกายหลายๆ ส่วนได้ หากอาการหนักและไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อาจอันตรยาถึงชีวิตได้เลยทีเดียว

แต่ที่ใครหลายอาจยังไม่ทราบ คือนอกจากมนุษย์แล้ว สัตว์เลี้ยงของเราก็เสี่ยงต่ออาการฮีทสโตรก และมีอันตรายไม่แพ้กับอาการที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นเดียวกันรศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลในเรื่องของอาการฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยงเอาไว้ดังนี้

 
สาเหตุอาการฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง

อาการของโรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง เกิดจากการที่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว และระบายความร้อนออกสู่ภายนอกไม่ทัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวมีอาการตัวร้อน ได้แก่

  1. เป็นโรคติดเชื้อที่ทำให้เกิดไข้สูง
  2. การทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถ หรือที่ที่มีอากาศร้อนจัดนานๆ

 
สัญญาณอันตราย “หมาแมว” เป็นฮีทสโตรกช่วงหน้าร้อน

  1. หอบ หายใจเร็ว
  2. ลิ้นแดงสด
  3. น้ำลายหนืดเหนียว
  4. อ่อนแรง
  5. ม่านตาขยาย
  6. ช็อก เป็นลมหมดสติ 

โดยทั่วไปแล้วสุนัขจะมีการระบายความร้อนออกจากตัวด้วยการหายใจหรือหอบออกมา ดังนั้น ให้เราสังเกตว่าหากสุนัขหอบมากกว่าปกติอาจเป็นไปได้ว่าในร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกินไปแล้ว

 
วิธีตรวจสอบว่าสัตว์เลี้ยงมีอาการตัวร้อนหรือไม่

หากเป็นมนุษย์ จะใช้วิธีการแตะหน้าผาก แต่หากเป็นสุนัขหรือแมวให้เราตรวจสอบได้ที่บริเวณขาหนีบเนื่องจากมีขนน้อยที่สุดและเป็นแหล่งรวมเลือดไหลเวียน โดยใช้หลังมือมาแตะบริเวณขาหนีบ (เหมือนเราแตะหน้าผาก) ซึ่งอุณหภูมิปกติของสุนัขและแมวจะอยู่ที่ประมาณ 37-38 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปรอทวัดไข้สำหรับสุนัขโดยเฉพาะได้ โดยจะมาในรูปแบบปรอทที่มีส่วนปลายกลมเล็ก และต้องวัดทางทวารหนักเท่านั้น 

 
วิธีการวัดอุณหภูมิสัตว์เลี้ยงด้วยปรอท

  1. นำปรอทจุ่มน้ำ เพื่อให้เกิดความลื่นสอดเข้าได้ง่าย
  2. สอดปรอทเข้าไปทางทวารหนัก และจับปรอทแนบไปกับแนวหาง
  3. สอดค้างไว้ 30-60 วินาที จากนั้นนำออกมาอ่านค่า แต่หากก่อนหน้านำไปวิ่งตากแดดหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนอุณหภูมิก็อาจจะขึ้นได้ จึงควรดูสถานการณ์ ณ ขณะนั้นก่อนด้วย

คำแนะนำ หากไม่แน่ใจในวิธีวัดไข้ด้วยปรอทของสุนัขว่าจะทำได้ถูกวิธีหรือไม่ ควรให้สัตว์แพทย์เป็นคนวัดไข้ให้ เพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการบาดเจ็บ

 
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อสัตว์เลี้ยงเป็นฮีทสโตรก

หากเราตรวจสอบแล้วว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการของโรคลมแดดจริง ให้เรารีบช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนี้

  1. นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเท 
  2. นำน้ำเย็นใส่ขวด หรือน้ำแข็งใส่ถุงมาประคบบริเวณที่บริเวณ ขาหนีบ หรือใต้รักแร้ รวมถึงบนหัวสักพัก 
  3. รีบพาไปพบสัตวแพทย์ใกล้บ้านเพื่อทำการรักษาต่อไป

Related Post

5 ประเทศที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมากที่สุดในโลก !5 ประเทศที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมากที่สุดในโลก !

Hilight สวิสเซอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า ทางรัฐบาลมีการแนะนำหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงครั้งแรก มีการเปิดลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงและฝึกฝนทักษะต่าง ๆ  ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รักน้องหมาน้องแมวแบบสุด ๆ เห็นได้จากคาเฟ่น้องหมาน้องแมวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ไปจนถึงร้านขายสินค้าสุดพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง _________________________________________________________________________  ใครเลี้ยงสุนัขขอให้ยกมือขึ้น ใครชอบเที่ยวขอให้ยกมือขึ้น วันนี้เราจะพาไปดูกับ 5 ประเทศที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมากที่สุดในโลก ! ซึ่งเรามั่นใจว่าต้องตอบโจทย์สำหรับทาสทั้งหลายที่อยากพาเจ้านายไปเที่ยวแน่ๆค่ะ รับรองว่าต้องเป็นทริปที่มีแต่คำว่า ฟิน ฟิน ฟิน แน่น๊อนน!! 1.ฝรั่งเศส            ฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งคนสัตว์ และหากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวก็จะมีโอกาสพบน้องหมาได้ทุกที่ที่สามารถมองเห็นได้ และถ้าหากได้แวะซื้อของตามร้านค้าต่าง

ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider)

ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider)ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider)

ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider) กระรอกบินออสเตรเลีย หรือที่เรียกกันว่า จิงโจ้บิน คือสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องสำหรับเลี้ยงดูลูกอ่อน(pouch) อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ หมีโคอะล่า และจิงโจ้ ชูการ์ ไกลเดอร์ มีถิ่นกำเนิดในเกาะแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย และปาปัวนิวกินี ประเทศอินโดนีเซีย  พวกมันเป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันจะชอบนอน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนต้นไม้  เป็นสัตว์สังคมที่อยู่กันเป็นฝูง ประมาณ 6-10 ตัว    ทั้งนี้ ชูก้าไกลเดอร์ จะมีน้ำหนักประมาณ 90-150 กรัม

ทำไมสุนัขถึงสะอึก (hiccup) ?ทำไมสุนัขถึงสะอึก (hiccup) ?

 การสะอึก (hiccup) ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในสุนัขเช่นเดียวกับในคน หลายคนมองว่าน่ารักดีเวลาที่สุนัขสะอึก แต่บางคนก็อาจเกิดความกังวลว่าจะเป็นอันตรายกับสุนัขหรือไม่ บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักการสะอึกในสุนัข เจาะลึกถึงสาเหตุ และวิธีการช่วยสุนัขที่สะอึกว่าต้องทำอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยครับ     สาเหตุของการสะอึกในสุนัข       กระบังลมเป็นกล้ามเนื้อที่กั้นระหว่างช่องอกกับช่องท้อง มีความเกี่ยวข้องกับเวลาที่น้องหมาหายใจ คือ เมื่อเวลาที่น้องหมาหายใจเข้า กะบังลมจะหดตัวและเคลื่อนตัวลง ทำให้ช่องอกขยายตัวมากขึ้น แต่เมื่อน้องหมาหายใจออก กะบังลมจะคลายตัวและเคลื่อนตัวขึ้นสู่ช่องอก ซึ่งการเคลื่อนตัวก็จะเป็นจังหวะเช่นนี้ไปตลอดในยามปกติ แต่เมื่อใดที่กล้ามเนื้อกะบังลมเกิดการหดตัวผิดจังหวะ (กระตุก) อย่างกระทันหัน ก็จะเกิดอาการที่เราเรียกว่า สะอึก (hiccup) นั่นเอง       โดยการหดตัวที่ผิดจังหวะนี้ส่งผลให้เกิดการหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่กล่องเสียงเกิดการปิดลงกระทันหัน จากการหดตัวของกล้ามเนื้อกล่องเสียง