ยอร์กไชร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)

ยอร์กไชร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier) post thumbnail image

สุนัขตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่นในอพาร์ตเม้นต์ได้ดี ลักษณะทั่วไป สีมี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก ราคาประมาณ 8,000 – 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด

วิธีการเลี้ยงและดูแลยอร์คเชียร์เทอร์เรีย

น้องชอบที่จะได้ไปเดินเล่นหรือออกไปเล่นนอกบ้าน แต่ว่าถึงแม้จะอยู่ในบ้านน้องก็แอคทีฟและคึกคักอยู่เสมอ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการออกกำลังของน้องมากนัก

น้องเป็นสุนัขที่ต้องเลี้ยงในบ้านและไม่สามารถทนต่ออากาศร้อนหรือหนาวได้ดีนัก ดังนั้นจึงไม่ควรให้น้องออกไปข้างนอกในช่วงที่อากศร้อนกินไปหรือหนาวเกินไป

น้องชอบของเล่นที่มีเสียง แต่ที่สำคัญคือเราต้องคอยตรวจดูเสมอว่า หากน้องกัดของเล่นขาดแล้ว น้องเอากระดิ่งหรือตัวเกิดเสียงข้างในออกมาหรือไม่ เพราะน้องอาจกลืนกระดิ่งเข้าไปเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้น้องยังชอบให้เราปาของเล่นแล้วให้น้องวิ่งไปคาบมา หรือถ้าเราชอบประดิษฐ์ประดอยก็สามารถทำของเล่นให้น้องเองได้ เช่น ลูกบอลไหมพรม

ไม่ว่าน้องจะขนยาวหรือเราเล็มขนน้องให้สั้น ควรแปรงขนให้น้องทุกวันเพื่อไม่ให้ขนเกาะกันเป็นก้อนและทำให้น้องสะอาด อาบน้ำให้น้องอาทิตย์ละ 1 ครั้งเพื่อให้น้องมีขนที่เงางาม ไม่ต้องขัดถูขนของน้อง หลังจากที่ขนน้องเปียกและเทแชมพูลงไปแล้ว ให้เราทำแค่ใช้นิ้วสางผ่านๆเพื่อให้สิ่งสกปรกออกมา

น้องมีแนวโน้มที่จะมีฟันน้ำนมเหลืออยู่ โดยเฉพาะเขี้ยว เมื่อน้องมีอายุประมาณ 5 เดือน ให้เราคอยตรวจเช็คฟันของน้องบ่อยๆ ถ้าเราเห็นว่าฟันแท้กำลังงอกขึ้นมาแต่ฟันน้ำนมยังคงอยู่ ให้พาน้องไปพบสัตวแพทย์ ฟันน้ำนมที่ไม่ยอมหลุดสามารถทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมาเรียงตัวอย่างไม่สม่ำเสมอ และเกิดการฟันผุได้ในเวลาต่อมา

อาหารของยอร์คเชียร์เทอร์เรีย

การให้อาหารน้องยอร์คเชียร์เทอร์เรียนั้นแตกต่างจากสุนัขพันธุ์ใหญ่ น้องจะกินทีละน้อยแต่แบ่งเป็นหลายๆมื้อ ในขณะที่สุนัขพันธุ์อื่นๆสามารถกินอาหารวันละมื้อก็ได้ การเว้นช่วงเวลานานระหว่างให้อาหารสามารถก่อให้เกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำไปจนถึงท้องเสียได้ จึงควรให้อาหารตามที่แนะนำดังนี้

ลูกสุนัขเพิ่งหย่านม – 3 เดือน หรือ มีน้ำหนักอย่างน้อย  1 กิโลกรัม

ให้อาหารเวลาใดก็ได้ ลูกสุนัขที่ยังเด็กมากควรให้กินแบบอิสระ (free feeding) ตั้งแต่หย่านมจนกระทั่งน้องมีน้ำหนักมากพอที่จะกินอาหารสำหรับลูกสุนัข 3 เดือน หรือเมื่อมีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม การให้กินแบบอิสระคือการมีอาหารอยู่ในจานให้น้องกินตลอดเวลา ควรเปลี่ยนอาหารสม่ำเสมอและเติมอาหารใหม่เพื่อป้องกันอาหารเหลือสะสมอยู่ที่ก้นจาน

อายุ 3 เดือน (น้ำหนัก 1 กิโลกรัมขึ้นไป) – 1 ปี

เป็นช่วงอายุที่เริ่มให้อาหารแบบเป็นเวลาได้แล้ว ถ้าเรายังให้อาหารแบบอิสระกับน้องๆวัยนี้ อาจจะต้องคอยเก็บอึจนเหนื่อยเพราะน้องขับถ่ายไม่เป็นเวลา เมื่อน้องรู้จักการกินเป็นเวลาแล้ว พฤติกรรมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ให้อาหารน้อง 3 – 4 มื้อต่อวัน โดยแบ่งเป็น เช้า, กลางวัน, ก่อนมื้อเย็น(ถ้าให้ 4 มื้อ) และ เย็น ( ไม่ช้ากว่า 2 ชั่วโมงก่อนที่น้องจะนอน) ส่วนขนม ให้เป็นขนมแบบแห้งระหว่างมื้ออาหาร

อายุ 1 ปีขึ้นไป

เมื่อน้องยอร์คเชียร์เทอร์เรียอายุ 1 ปี จะถือว่าเข้าสู่วัยโตแล้วและหมายถึงการเปลี่ยนแปลงให้อาหารมื้อเดียวสำหรับสุนัขหลายๆตัว แต่ไม่ใช่สำหรับน้องยอร์คเชียร์เทอร์เรีย นี่เป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนจากอาหารสูตรลูกสุนัขไปเป็นอาหารสำหรับสุนัขวัยโต การให้อาหารที่เหมาะสมกับน้องในวัย 1 ปีขึ้นไป คือ 3 มื้อต่อวัน เราจะสังเกตได้ว่าน้องจะกินเยอะในมื้อเช้าและกินน้อยในมื้อเย็น หรือกินเยอะในมื้อเย็นและกินน้อยในมื้อเช้า

ปริมาณอาหารที่ควรให้

ประเภทของอาหารที่ต่างกันจะให้พลังงานที่ต่างกัน ดังนั้นปริมาณอาหารที่น้องต้องการจึงขึ้นอยู่กับประเภทอาหารว่าเป็นแบบแห้งหรือแบบเปียกและส่วนประกอบของอาหาร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นอีก เช่น อายุ, ระดับกิจกรรมที่ทำ, สุขภาพ, การดูดซึมของน้องแต่ละตัว รวมไปถึงสภาพอากาศ(หนาวหรือร้อน)

โดยทั่วไปลูกสุนัขต้องการประมาณ 55 แคลอรี่ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ สุนัขวัยโตต้องการประมาณ 40 แคลอรี่ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ และสุนัขที่เริ่มมีอายุต้องการประมาณ  35 – 38 แคลอรี่ การคำนวณปริมาณอาหารให้น้องยอร์คเชียร์เทอร์เรียมีเพียง 3 ขั้นตอน ได้แก่

#1 รู้น้ำหนักตัวของน้อง อย่าเดาเอาเอง ให้นำน้องไปชั่งบนเครื่องชั่งที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้เพื่อให้ได้น้ำหนักที่ถูกต้อง

#2 ถ้าให้อาหารสำเร็จรูป ให้อ่านปริมาณอาหารแนะนำที่ควรให้ที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ สิ่งเหล่านี้อิงมาจากความต้องการมาตรฐานของสุนัขและลูกสุนัขรวมถึงคำนวณจากอายุและน้ำหนักไว้แล้ว แต่ส่วนมากจะบอกปริมาณที่ควรให้ต่อวัน(ไม่ใช่ต่อมื้อ) ดังนั้นเราต้องดูจากปริมาณรวมและนำมาแบ่งตามจำนวนมื้อที่เราให้น้องหมา

#3 เมื่อเตรียมอาหารให้น้อง อย่ากะปริมาณเอาเอง ให้ใช้ถ้วยตวงหรือเครื่องชั่งน้ำหนัก เช่น เครื่องชั่งดิจิตอลในครัว เครื่องชั่งที่แม่นยำจะทำให้เราแบ่งอาหารได้ปริมาณที่ถูกต้องค่าเฉลี่ยของปริมาณอาหาร น้องตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับสุนัขที่ตัวใหญ่กว่าหรือแม้แต่กับมนุษย์ ลูกสุนัขยอร์คเชียร์เทอร์เรียที่มีน้ำหนัก 0.9 – 1.8 กิโลกรัม และอายุ 3 – 12 เดือน ต้องการอาหาร 1/3 หรือ ½ ถ้วยต่อวัน วัยโตที่มีน้ำหนักระหว่าง 1.4 – 1.8 กิโลกรัม ต้องการอาหาร 1/3 หรือ ½ ถ้วยต่อวัน และวัยโตที่มีน้ำหนักประมาณ 2.3 – 3.2 กิโลกรัม ต้องการอาหาร 2/3 ถ้วยต่อวัน

สุขภาพของยอร์คเชียร์เทอร์เรีย

ปกติแล้วน้องยอร์คเชียร์เทอร์เรียมีสุขภาพแข็งแรง แต่ก็มีแนวโน้มจะเป็นโรคดังต่อไปนี้

โรคสะบ้าเคลื่อนในสุนัข : Patellar Luxation

โรคจอประสาทตาเสื่อม : Progressive Retinal Atrophy (PRA)

การไหลเวียนผิดปกติของเลือดระหว่างตับและร่างกาย :  Portosystemic Shunt, Portosystemic shunt (PSS)

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ : Hypoglycemia

โรคหลอดลมตีบ : Collapsed trachea

อาการหอบในสุนัข : Reverse sneezing

การติดเชื้อที่ดวงตา, ฟัน และ เหงือก

ยอร์คเชียร์เทอร์เรียกับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

เพราะขนาดตัวเล็กของน้อง น้องจึงไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ผู้เพาะพันธุ์หลายคนถึงกับไม่ยอมขายลูกหมาให้กับคนที่มีลูกอายุต่ำกว่า 5 – 6 ขวบ เพราะมันง่ายมากที่เด็กจะทำน้องตก, เดินเหยียบ หรือกอดน้องหมาแน่นเกินไป น้องสามารถเข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆได้ รวมถึงแมวด้วย ถ้าน้องได้ฝึกเข้าสังคมตั้งแต่เล็ก

Related Post

เลี้ยงน้องหมาแบบ New Normalเลี้ยงน้องหมาแบบ New Normal

     ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตบ้างแล้ว แต่วิถีชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในหลาย ๆ เรื่องจนทำให้เกิดเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ หรือที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ในตอนนี้ว่า “New Normal” นั่นเอง      สำหรับคนเลี้ยงสุนัขเองก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางอย่างของตัวเองและสัตว์เลี้ยง เพื่อให้สอดรับกับสุขภาพ ความปลอดภัย และป้องกันตัวเองไม่ให้เสี่ยงกับโรคร้ายโดยที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขทั้งตัวเองและน้องหมาด้วย      และนี่ก็คือวิถีคนเลี้ยงน้องหมาแบบ New Normal ไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง >> เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ออกนอกบ้านน้อยลง      หลาย ๆ คนชอบพาน้องหมาไปออกกำลังกายนอกบ้าน จากเดิมที่ชอบไปตามสวนสาธารณะ

รีวิวสัตว์เลี้ยง

รีวิวสุนัขรีวิวสุนัข

สุนัขเป็นสัตว์เพื่อนซี้ของคนเรามานานแสนนาน และดูเหมือนว่า ในชีวิตหนึ่ง ของคนเรา จะต้องได้เป็นเจ้าของสุนัขสักตัวแน่นอนล่ะ บางคนไม่ต้องพูดถึง ชีวิตขาดสุนัขไม่ได้เลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าสุนัขจะเป็นสัตว์ในอาณัติที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับสุนัขอย่างดีพอ . สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงของคนมาตั้งแต่ 15,000 ปีที่แล้ว และมันก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นเพื่อนซี้ของคนมานานแล้วเช่นกัน สุนัขเป็นตัวตรวจจับมะเร็ง เบาหวาน และลมบ้าหมูได้เป็นอย่างดี เพราะจมูกที่สุดแสนจะอัจฉริยะของมัน ทำให้ปัจจุบัน สุนัขหลายตัวถูกนำมาฝึกเพื่อดมกลิ่นมะเร็งปอด หน้าอก ผิวหนัง และต่อมลูกหมากโดยเฉพาะ. สุนัขสามารถรู้อะไรได้เทียบเท่ากับเด็ก 2 ขวบ โดยจากงานวิจัยพบว่า สุนัขเข้าใจคำพูดคนถึง 200 คำ

เจ้าของสัตว์เลี้ยงมือใหม่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมือใหม่

นำลูกสุนัขหรือว่าสุนัขมีอายุมาดูแลที่บ้าน ? ยินดีด้วย! ที่คุณได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในการรับสมาขิกขนปุยตัวใหม่มาที่บ้าน! มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด และเป็นความรับผิดชอบที่ยื่งใหญ่ ที่ต้องการการเตรียมการและสิ่งของต่างๆมากมาย แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นรายการช้อปปิ้งสิ่งของเหล่านั้น คิดทบทวนคำถามเหล่านี้ก่อน คุณรู้จักสัตวแพทย์ที่ไว้ใจได้หรือไม่? ที่พักของคุณอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์หรือไม่? คุณได้คุยกับเพื่อนร่วมห้องหรือเด็กเกี่ยวกับความสำคัญในการปฎิบัติกับแมวอย่างสุภาพแล้วหรือไม่? ทำรายการคำถามที่ต้องตอบ แล้วลองศึกษาข้อมูลเกียวกับการต้อนรับเพื่อนสมาชิกใหม่ที่แสนดี