Bishopbark เรื่องน่ารู้ ทุกข์บำบัดได้ด้วยสัตว์เลี้ยง

ทุกข์บำบัดได้ด้วยสัตว์เลี้ยง

ทุกข์บำบัดได้ด้วยสัตว์เลี้ยง post thumbnail image

          ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์เลี้ยงได้เขามามีส่วนสำคัญกับชีวิตของคนเรามากขึ้น เนื่องจากว่าสภาพสังคมของเรานั้นได้เปลี่ยนแปลงไป จากครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคนมาเป็นครอบครัวเดี่ยว จากสังคมชนบทมาเป็นสังคมเมือง เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไปจากเดิมจึงทำให้มีผลต่อสภาพจิตใจของคน เกิดความเหงา ความเครียดขึ้นมาได้ สิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาทดแทนและดูแลจิตใจได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว ปลา

          มนุษย์รู้จักนำสุนัขมาเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวเมื่อประมาณ 12,000 ปีมาแล้ว ส่วนแมวได้เริ่มเข้ามามีชีวิตในบ้าน เมื่อ 5,000 ปีมานี้เอง นักจิตวิทยามักจะถามว่า เหตุใดคนเราจึงนิยมมีสัตว์เลี้ยง

    คำตอบหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับคือว่า การมีสัตว์เลี้ยงเป็นการตอกย้ำความรู้สึกตามธรรมชาติของคนว่ามีความรัก และหวังดีต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

          ในรัชสมัยของพระนางวิกตอเรีย รัฐบาลอังกฤษ ได้เคยออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ให้รอดพ้นจากการถูกเฆี่ยนตี ก่อนที่จะมีกฎหมายคุ้มครองเด็กเสียอีก

          ทั้งนี้ สถิติการสำรวจในอเมริกาพบว่า คนอเมริกันเลี้ยงสุนัข 60 ล้านตัว แมว 55 ล้านตัว ประธานาธิบดี Bushเลี้ยงสุนัข Clinton เลี้ยงแมว และถึงแม้สัตว์เหล่านี้จะสร้างความรำคาญ และนำโทษมาให้เป็นครั้งคราว เช่น พยาธิ psittacosis ซึ่งทำให้เกิดอาการไข้หวัดก็มักจะมาจากนก พยาธิตัวกลมมักจะมาจากอจุจาระแมว แต่คนที่มีเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ก็ต้องยอมทน เพราะเขาได้รับมิตรภาพอันอบอุ่นจากสัตว์เป็นสิ่งตอบแทน

          ปัจจุบันนี้มีงานวิจัยหลายชิ้น ที่กำลังแสดงให้เห็นว่า สัตว์เลี้ยงนอกจากให้ความเป็นเพื่อนแก่คนเลี้ยงแล้ว มันยังอำนวยประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีก เช่น E. Fried mann แห่ง City University of New York พบว่า คนไข้โรคหัวใจที่มีสัตว์เลี้ยงมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่เลี้ยงอะไรเลยถึง 3% เขาพบว่า สัตว์เลี้ยงช่วยลดความดันโลหิตให้กับเจ้าของ

 และเมื่อไม่นานมานี้เอง นักจิตวิทยาชาวอังกฤษผู้หนึ่งพบว่า คนที่เลี้ยงแมวหรือสุนัข มักจะไม่เป็นโรค ปวดหัวหรือปวดหลัง และคนที่มีสัตว์เลี้ยงจะมีโคเลสเตอรอลในเลือดน้อยกว่าคนที่ไม่มี นั่นก็หมายความว่าหมา และแมวทำให้เจ้าของมีโอกาสเป็นโรคหัวใจน้อย เหตุที่เป็นเช่นนี้ นักจิตวิทยา J.Serpell อธิบายว่า คงเป็น เพราะคนที่เลี้ยงสัตว์จะต้องพามันออกกำลังกาย เขาจึงต้องเดินออกกำลังกายไปด้วย สุขภาพร่างกายโดยทั่วไป ของเจ้าของจึงดี

   นอกจากนี้ นักจิตวิทยาเชื่อว่า สัตว์เลี้ยงมีบทบาทช่วยในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้กับผู้เลี้ยง เพราะถึงแม้มันจะพูดไม่ได้ มันก็ไม่เคยโกหก ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์เจ้าของ มันนั่งฟัง มันเข้าใจ มันไม่ถาม ไม่สงสัย มันซื่อสัตย์ มันจึงเป็น “เพื่อน” ที่จำเป็นมากสำหรับคนบางคน นักจิตวิทยาหลายคนกำลังใช้วิธีหาหมาหรือแมวให้กับคนไข้ที่ป่วยทางจิตใจ เพราะหมาหรือแมวเหล่านี้แสดงความเป็นเพื่อนกับคนได้มากกว่าสัตว์ชนิดอื่น มันรู้จักเคล้าแข้ง เคล้าขา มันนั่งเฝ้าระวังขโมยและมันเชื่อฟังมากเสียจนทำให้คนเลี้ยงรู้สึกว่า ตัวเองเป็นที่น่ายกย่อง เป็นที่ชื่นชม และเป็นที่ต้องการ ในแง่นี้สัตว์เลี้ยงจึงทำ หน้าที่เติมความมั่นใจในตนเองให้กับผู้เลี้ยง ทำให้เขามีความรู้สึกที่ดี รู้สึกสู้กับความกดดันภายนอก

          ในเมื่อสัตว์เลี้ยงดีถึงปานนี้แล้ว เหตุไฉนบ้านทุกบ้านจึงไม่มีสัตว์เลี้ยงด้วยเล่า สำหรับเรื่องนี้นักจิตวิทยาพบว่า ประสบการณ์ในวัยเด็กมักจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบของชีวิตในวัยผู้ใหญ่ เด็กใดที่ได้รับการเลี้ยงดูมากับสัตว์เลี้ยง เวลาโตขึ้นเขาก็มักจะนิยมนำสัตว์มาเลี้ยง เด็กใดที่พ่อแม่ไม่เคยเลี้ยงอะไรเลย เวลาเติบใหญ่ก็มักจะไม่เลี้ยงอะไรเลยเหมือนกัน นักจิตวิทยายังตั้งข้อสังเกตอีกว่า คนใดที่มีสัตว์เลี้ยงตามปกติแล้วก็มักจะมีจิตใจที่สงสารและเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อมต่อสัตว์ และเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากกว่าคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง

          ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่สุดเพราะสำหรับผู้เขียนเองนั้น ไม่ได้รับการปลูกฝังให้เลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงไม่มีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงมากนัก ถามว่ารักมั้ย ชอบมั้ย ตอบได้ว่า ก็รักนะ ไม่ได้เกลียด แต่คงจะไม่มากพอเท่ากับคนที่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอมามีลูกด้วยความที่เราไม่มีสัตว์เลี้ยงในครอบครัว ลูกก็จะเหมือนกับเราก็คือ จะไม่มีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเอาซะเลย บางครั้งจะกลัวเสียด้วยซ้ำ มื่อเห็นสุนัขหรือแมว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย ทำให้กลับมาคิดว่าทำไมนะ เราถึงไม่ปลูกฝังให้เค้าเป็นคนที่รักสัตว์แทนที่จะกลัวอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่สัตว์เลี้ยงมีประโชน์ตั้งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจ ทำให้จิตใจอ่อ่นโยน มีเมตตา หรือในด้านร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ออกกำลังกายในการพาเค้าวิ่งเล่น ประโยชน์มากมายขนาดนี้ ใครที่ยังห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงก็ลองหาโอกาสได้ใกล้ชิดซะแล้วจะได้รู้ว่า ของเค้าดีจริง

Related Post

บ้านส่วนตัวของน้องแมวจากฟางข้าว ไอเดียยอดนิยมสำหรับคนรักแมวบ้านส่วนตัวของน้องแมวจากฟางข้าว ไอเดียยอดนิยมสำหรับคนรักแมว

คนญี่ปุ่นนำฟางข้าวมาใช้ประโยชน์มากมาย ทั้งใช้เป็นปุ๋ย ประดับสวน ประดับบ้านตอนปีใหม่ และใช้คลุมดินในการเกษตร แต่นอกจากนี้แล้วคนญี่ปุ่นก็ยังนำฟางข้าวมาสานเป็นบ้านแมวด้วย มาดูบ้านน้องแมวจากฟางข้าวของคนญี่ปุ่นกันนะคะ บ้านแมวจากฟางข้าว บ้านแมวจากฟางข้าว หรือ เนะโกะชิกุระ (猫ちぐら) นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกที่หมู่บ้านเซคิคาวะ จังหวัดนีกะตะ ที่ซึ่งชาวนาอยากทำบ้านส่วนตัวให้แมวซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว โดยการนำฟางข้าวมาสานอย่างประณีต จนได้บ้านแมวที่ให้แมวได้เข้าไปอยู่อย่างสบายใจและสามารถปีนขึ้นไปนั่งข้างบนได้ ด้วยเป็นวัสดุธรรมชาติจากฟางข้าว บ้านแมวจะเก็บความชื้นได้ดีและอากาศถ่ายเทผ่านได้สะดวก ทำให้เย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว อีกทั้งการออกแบบยังรู้ใจธรรมชาติของแมวว่าแมวเป็นสัตว์ที่ชอบที่แคบและอบอุ่น ทำให้บ้านแมวจากฟางข้าวกลายเป็นบ้านถูกใจที่น้องแมวไม่ปฎิเสธ

ใครเลี้ยงโปรดรู้ไว้! น้องหมาว่ายน้ำไม่เป็นทุกตัวใครเลี้ยงโปรดรู้ไว้! น้องหมาว่ายน้ำไม่เป็นทุกตัว

สุนัข ว่ายน้ำ เป็นทุกตัวจริงหรือเปล่า? • น้องหมาทุกตัวไม่ได้ ว่ายน้ำ เป็นตั้งแต่เกิด จะมีบางสายพันธุ์เท่านั้นที่สามารถทำได้ เช่น สุนัขตระกูลรีทรีฟเวอร์อย่าง ลาบราดอร์ หรือ โกลเด้น ซึ่งสามารถลอยคอว่ายน้ำในสระ หรือทะเลได้อย่างสบายๆ โดยที่เราไม่ต้องฝึก• ยังมีสุนัขที่ถูกนำมาฝึกว่ายน้ำสำหรับช่วยชีวิตคนโดยเฉพาะ คือ สุนัขสายพันธุ์โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก ซึ่งมีผนังพังผืดที่นิ้วเท้า สามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วคล้ายกับปลาเลยค่ะ หลายคนที่เลี้ยง หรือชื่นชอบน้อง หมา คงต้องเคยสงสัยแน่ๆ ว่าเหล่า น้องหมานั้นว่ายน้ำเป็นทุกตัวตั้งแต่เกิดรึเปล่า บางครั้งอยากพาน้องหมาลงเล่นน้ำ หรือว่ายน้ำด้วยกัน แต่ก็ยังไม่กล้าปล่อยให้น้องหมาว่ายน้ำห่างตัวเอง

บีเกิ้ล

บีเกิ้ล (Beagle)บีเกิ้ล (Beagle)

สุนัขล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บี เกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น