น้องหมาพันธุ์ “พอยเตอร์” ถูกพัฒนาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วเพื่อใช้ในการชี้เหยื่อ อย่างเช่น นก และกระต่าย น้องเป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ในทุ่งหญ้าเพื่อใช้งานและเป็นสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ยังโดดเด่นในสนามแสดงสุนัขอีกด้วย ด้วยรูปร่างที่ดูสง่า มีความปราดเปรียวว่องไว ซื่อสัตย์ เชื่อฟัง มีพลังงานล้นเหลือ รักสนุก เหมาะกับครอบครัวที่ชอบออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ใครที่อยากจะรู้จักน้องให้มากขึ้นก็ตามมาได้เลย
ประวัติความเป็นมาของพอยเตอร์
ต้นกำเนิดที่แท้จริงของน้องยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แม้จะมีบันทึกเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ในช่วงปี 1650 หลักฐานอย่างหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าน้องพอยเตอร์ถูกพัฒนาสายพันธุ์ในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 คือสุนัขสายพันธุ์ชี้เหยื่อ (pointing dog) อย่างเช่นในโปรตุเกสและสเปนิชพอยเตอร์ที่ถูกนำไปจากแผ่นดินใหญ่สู่ประเทศอังกฤษ ถึงแม้รายละเอียดความเป็นมาที่ถูกต้องของน้องจะยังเป็นปริศนา แต่ก็เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่ามีสุนัข 4 สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับน้องพอยเตอร์ ได้แก่ สายพันธุ์เกรย์ฮาวด์, ฟ็อกซ์ฮาวด์, บูลเทอร์เรีย และ บลัดฮาวด์
น้องพอยเตอร์ถูกนำไปที่อเมริกาครั้งแรกช่วงปลายปี 1800 ในตอนนั้นมีสุนัขล่าเหยื่ออย่าง “อิงลิช เซตเทอร์” (English Setter) อยู่แล้วและสุนัขชี้เหยื่อไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสนามเป็นคู่กับเซตเทอร์ ต่อมาในปี 1910 น้องพอยเตอร์ได้ถูกพัฒนาไปถึงจุด มุ่งไปที่ เหนือกว่าเซตเทอร์ ปัจจุบันนี้พอยเตอร์เป็นสมาชิกของสุนัขกลุ่มกีฬาของ AKC ถึงแม้น้องจะถูกเรียกบ่อยๆว่าอิงลิช พอยเตอร์ แต่ชื่อย่างเป็นทางการคือ พอยเตอร์
AKC ได้ขึ้นทะเบียนสายพันธุ์พอยเตอร์ในปี 1879 และสมาคมสุนัขพอยเตอร์ในอเมริกาาถูกตั้งขึ้นในปี 1938. ปัจจุบันนี้น้องเป็นสุนัขที่มีรูปร่างหน้าตาดีแต่พบได้น้อย น้องอยู่ในอันดับที่ 103 ของสุนัขที่ถูกขึ้นทะเบียนโดย American Kennel Club
ลักษณะของยอร์คเชียร์พอยเตอร์
ลักษณะทางกายภาพ
- ความสูง : เพศผู้ 63 – 71 เซนติเมตร เพศเมีย 58 – 66 เซนติเมตร
- น้ำหนัก : เพศผู้ 25 – 34 กิโลกรัม เพศเมีย 20 – 30 กิโลกรัม
- สายพันธุ์ : สุนัขกีฬา
- ขน : ขนสั้น นุ่ม มันเงา
- สีขน : มีสีเดียวตลอดทั้งตัว เช่น สีลิเวอร์ (สีน้ำตาลเข้ม), สีดำ, สีส้ม หรือสีเลมอน โดยมีหรือไม่มีสีขาวผสมก็ได้ หรือมีลายแต้มสีดำ
- ลักษณะเด่น: ใบหูพับลงตามธรรมชาติ
- ช่วงชีวิต: 12 -17 ปี
นิสัยและพฤติกรรมทั่วไป
น้องพอยเตอร์เป็นสุนัขขี้อ้อน ชอบอยู่กับเจ้าของและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก น้องเป็นมิตร เปิดรับผู้คนใหม่ๆ ฉลาดและไม่ดุร้ายซึ่งเหมาะมากในการเลี้ยงกับครอบครัวที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
น้องมีจิตวิญญาณในการแข่งขันและมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ขี้เล่นและซุกซน น้องสามารถเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยมได้ เพราะมีสัญชาตญาณในการปกป้องสิ่งของและจะเห่าเตือนเมื่อเห็นอะไรที่ผิดปกติ และถึงแม้น้องจะเฟรนด์ลี่แค่ไหนแต่เราก็ควรให้น้องได้ฝึกเข้าสังคมตั้งแต่ยังเด็กเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับผู้คนและสภาพแวดล้อมต่างๆรอบตัว เพื่อไม่ให้น้องกลายเป็นสุนัขที่ตื่นกลัวและขี้ตกใจ
วิธีการเลี้ยงและดูแลพอยเตอร์
- แปรงขนให้น้องอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ด้วยที่แปรงขนแบบถุงมือ โดยแปรงให้ทั่วตลอดทั้งตัว จะทำให้ขนสุขภาพดี น้องผลัดขนน้อยมาก และการแปรงขนเป็นประจำจะช่วยลดจำนวนขนที่หลุดร่วงไปติดตามเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆภายในบ้านของเราได้
- การแปรงขนเป็นประจำและการใช้ผ้าเปียกเช็ดขนเป็นครั้งคราวจะช่วยให้น้องพอยเตอร์ตัวสะอาด แต่น้องควรได้รับการอาบน้ำ 3 – 4 ครั้งต่อปี ใช้แชมพูสำหรับสุนัขเพื่อไม่ให้ขนและผิวหนังแห้ง และต้องล้างออกให้เกลี้ยงทุกครั้งเพื่อป้องกันอาการคันจากแชมพูที่ตกค้างอยู่
- น้องชอบทำกิจกรรมนอกบ้านและชอบอยู่กับเจ้าของ แต่ไม่ควรเลี้ยงน้องไว้นอกบ้าน น้องชอบอยู่กับครอบครัวที่มีกิจกรรมอยู่เสมอ เช่น เดินเล่น, ตั้งแคมป์ หรือกิจกรรมนอกบ้านอื่นๆ นอกจากนี้น้องยังต้องการสนามหญ้าที่ใหญ่พอให้น้องได้วิ่งเล่น เมื่อน้องได้รับการออกกำลังกายและการฝึกที่เพียงพอ น้องจะเงียบและสุภาพ
- น้องเป็นสุนัขที่มีพลังงานเหลือเฟือ จึงต้องการออกกำลังกายทุกวันและ ด้วยบรรพบุรุษเป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อล่าสัตว์และต้องทำงานทั้งวัน แม้จะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ความต้องการออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานของน้องยังเหมือนเดิม พาน้องไปออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที การเดินเล่นอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ควรให้น้องได้วิ่ง, สอนน้องให้วิ่งข้างๆตอนเราปั่นจักรยาน, เล่นจานร่อนกับน้องในสนามหญ้า, ให้น้องวิ่งไปคาบบอล หรือ กีฬาอื่นๆของสุนัข
- น้องสามารถกลายเป็น “จอมทำลายล้าง” เมื่อน้องเบื่อหรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อน้องยังเป็นลูกสุนัข น้องจะมีพฤติกรรมกัด, ขุด และอีกหลายพฤติกรรมในด้านลบที่นำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและปรับปรุงนิสัยของน้อง
- น้องพอยเตอร์ในวัยลูกสุนัขนั้นกำลังเจริญเติบโต และไม่ต้องการการออกกำลังกายเยอะๆเหมือนกับพอยเตอร์วัยโต ปล่อยให้น้องได้เล่นและนอนพักผ่อนตามตารางชีวิตของน้องเอง และไม่ควรให้น้องกระโดดจนกว่าน้องจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 18 เดือน การวิ่งและกระโดดบนพื้นแข็งๆในตอนที่น้องยังอายุน้อยจะทำให้เกิดปัญหาที่ข้อต่อและเกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกได้
- น้องไม่เหมาะกับการเลี้ยงในอพาร์ทเมนต์หรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด น้องเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่สนามหญ้าใหญ่ๆล้อมรอบด้วยรั้ว เพื่อให้น้องได้วิ่งเล่นและใช้พลังงานของตัวเอง
- รั้วเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ น้องเป็นสุนัขที่ตามกลิ่นและจะวิ่งเป็นระยะทางไกล น้องไม่รู้จักรถและไม่รู้ทางกลับบ้านด้วยหลังจากที่วิ่งออกไปไกลแล้ว บางตัวมีคนพบและนำมาส่งที่ศูนย์ช่วยเหลือแต่บางตัวก็หายไปเลย ดังนั้นควรมีรั้วที่มิดชิดแข็งแรง
อาหารของพอยเตอร์
น้องควรได้รับอาหารที่มีคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารที่เราทำเองภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์ อาหารที่ให้คววรมีความเหมาะสมกับช่วงวัย, กิจกรรมที่ทำ, การดูดซึมของร่างกาย
น้องเป็นสุนัขที่มีพลังเยอะอยู่แล้วตามธรรมชาติ เราควรให้อาหารที่เป็นสูตรสำหรับสุนัขที่ใช้พลังงานเยอะ มีโปรตีนสูง และเป็นอาหารสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ ถ้าน้องไม่ได้ออกกำลังทุกวันควรระวังเรื่องการให้อาหารปริมาณมากเกินไป อาจจะทำให้น้องมีภาวะน้ำหนักเกินได้ปริมาณอาหารที่แนะนำคือ 2 – 3 ถ้วยต่อวัน โดยแบ่งออกเป็น 2 มื้อ
สุขภาพของพอยเตอร์
ปกติแล้วน้องยอร์คเชียร์เทอร์เรียมีสุขภาพแข็งแรง แต่ก็มีแนวโน้มจะเป็นโรคดังต่อไปนี้
ปัญหาสุขภาพที่มักเกิดกับพอยเตอร์ ได้แก่
- โรคข้อสะโพกเสื่อม : Hip Dysplasia
- จอประสาทตาเสื่อม : Progressive Retinal Atrophy (PRA)
- โรคลมชักในสุนัข : Epilepsy
- โรคเกี่ยวกับกระดูก : Neurotropic Osteopathy
- อาการแพ้ : Allergies
- โรคเชอร์รี่อาย : Cherry Eye
- ภาวะหนังตาม้วนเข้าใน : Entropion
- ต้อกระจก : Cataracts
- โรคแคระแกร็น : Chondrodysplasia
- โรคแอดดิสันในสุนัข : Addison’s Disease
- โรคไรขี้เรื้อนเปียก : Demodectic Mange
- ซีสต์ใต้ผิวหนัง : Skin cysts
พอยเตอร์ กับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
น้องสามารถเข้ากับเด็กได้ โดยเฉพาะเด็กที่เลี้ยงมาด้วยกัน แต่ผู้ปกครองต้องคอยดูแลไม่ให้เด็กอยู่กับสุนัขตามลำพัง และสอนให้เด็กเล่นกับสุนัขอย่างอ่อนโยน น้องสามารถเข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆได้ดีเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นสัตว์ที่เติบโตมาด้วยกัน แต่ถ้าใครเลี้ยงนกเอาไว้ เราควรใส่ใจเป็นพิเศษและควรแยกน้องออกจากกันเพื่อเป็นการปกป้องสัตว์ทั้งสอง เพราะน้องพอยเตอร์อาจจะวิ่งไล่นก และนกอาจจิกทำร้ายน้องหมาได้