Bishopbark เรื่องน่ารู้ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสุนัขที่ผู้เลี้ยงควรอ่าน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสุนัขที่ผู้เลี้ยงควรอ่าน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสุนัขที่ผู้เลี้ยงควรอ่าน post thumbnail image

เรื่องน่ารู้ของ สุนัข

1.สุนัขมาจากไหนกัน?

นักวิทยาศาสตร์เคยมีการค้นคว้าถึงต้นกำเนิดของ สุนัข นับเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากทีเดียว ว่า สุนัขมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างสุนัขจิ้งจอกและสุนัขป่า ทั้งสองสายพันธุ์นี้ มีความเฉลียวฉลาด ความสามารถรอบตัว รู้จักเอาตัวรอด การเข้าสังคมกับฝูง และปรับพฤติกรรมเข้ากับมนุษย์ได้ดี จึงกลายเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงมากที่สุด เพื่อนำไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น ล่าสัตว์ ต้อนฝูงสัตว์ สุนัขลากเลื่อน ฯลฯ และเกิดการแพร่พันธุ์ขยายไปทั่วโลก เนื่องจากมนุษย์มีการย้ายถิ่นฐานของตัวเอง จึงทำให้มีหลายสายพันธุ์มากขึ้น และกลายเป็นเพื่อนที่แสนดีของเราจวบจนทุกวันนี้

2.อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    บางคนนึกสนุก เอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ สุนัข กิน ไม่ว่าจะเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเกิดจากความสนุก ขอบอกเลยว่า นั่นเป็นเรื่องที่ผิดมากๆ ค่ะ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีฤทธิ์ทำให้สุนัขช็อกถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่าเสี่ยงเลยนะคะ นึกว่าสงสารเถอะค่ะ
  • วิตามินบำรุงร่างกายของคน
    หากวิตามินที่เราซื้อมากินเอง ไม่ได้ระบุไว้สำหรับสุนัขกินละก็ ไม่ควรให้กินเด็ดขาด เพราะวิตามินจะเข้าไปทำลายระบบย่อยอาหาร ตับ และไตของสุนัข นอกจากจะไม่มีประโยชน์กับสุนัขแล้ว แต่กลับให้โทษต่อสุขภาพด้วยค่ะ
  • อาหารแมว
    สำหรับผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขไว้ด้วยกัน ควรแบ่งแยกประเภทอาหารระหว่างแมวกับสุนัขให้ชัดเจน โดยธรรมชาติแล้ว แมวเป็นสัตว์กินเนื้อเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะแตกต่างกับสุนัขเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งเนื้อและพืช หากกินอาหารแมวมากๆ มีจะผลทำให้ไตทำงานหนัก และเป็นนิ่วได้ รวมถึงอาจพบปัญหาการขาดสมดุลแร่ธาตุบางชนิดได้อีกด้วยค่ะ
  • ช็อคโกแลต
    ช็อคโกแลตมีส่วนประกอบของสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรมีน (Theobromine) ซึ่งเป็นสารกลุ่มเดียวกับกาเฟอีน ถ้าได้รับสารในปริมาณมาก ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว เกิดลมชัก เหงื่อออกมาก ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และเสียชีวิตได้ค่ะ
  • ผลไม้บางชนิด
    จะสังเกตได้ว่าสุนัขบางตัวชอบกินผลไม้นะคะ แต่สำหรับผลไม้ต่อไปนี้ ห้ามเด็ดขาดอาทิ เชอร์รี่  ทำให้หายใจเร็ว ช็อก ปากบวมเห่อ อโวคาโด ทำให้หายใจลำบาก น้ำท่วมปอด ปวดท้อง และองุ่น ลูกเกด ลูกพรุน ทำให้ไตวาย และเสียชีวิตได้ค่ะ
  • ถั่วแมคคาเดเมีย
    จริงอยู่ที่ถั่วแมคคาเดเมียมีประโยชน์กับมนุษย์ แต่สำหรับสุนัขแล้วกลับให้โทษมหันต์ ถั่วแมคคาเดเมียจะทำให้กล้ามเนื้อสุนัขอ่อนแรง หดหู่ อาเจียน ใจสั่น เป็นไข้ ปวดเกร็งท้อง อาการเพลียของกล้ามเนื้อ โดยจะส่งผลกับขาหลังของสุนัข อาจเป็นหนักถึงอัมพาต
  • ผลิตภัณฑ์จากนมวัว
    ไม่ว่าจะเป็นนม ชีส หรืออาหารที่ทำจากนมวัว ก็ไม่ดีกับสุนัขทั้งนั้นค่ะ เนื่องจากสุนัขส่วนใหญ่ไม่มีเอนไซม์ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัวมากพอ จะทำให้เกิดท้องเสีย อาเจียน และเซื่องซึม ควรให้สุนัขกินนมที่ไม่มีแลคโตสนะคะ
  • ไข่ดิบ
    ในขาวดิบนั้นจะมีสารที่ชื่อ เอวิดิน (Avidin) ซึ่งสารชนิดนี้จะไปจับตัวกับสารไบโอติน และวิตามินบีรวม ทำให้การดูดซับสารอาหารทำได้ยาก ไบโอตินนั้นมีประโยชน์ในเรื่องเมตาบอลิซึม และสุขภาพผิวหนัง ถ้าสุนัขกินไข่ดิบจะทำให้ขาดไบโอติน ผลก็คือ ผิวจะแห้ง และเป็นเกล็ดขุยๆ ขนหลุดร่วง เจริญเติบโตช้ากว่าปกติ

Related Post

ทำไมไม่ควรฝังสุนัขไว้ที่สวนหลังบ้านทำไมไม่ควรฝังสุนัขไว้ที่สวนหลังบ้าน

     เมื่อวันสุดท้ายของเพื่อนรักสี่ขามาถึง คุณเลือกที่จะจากลาน้องหมาด้วยวิธีใด ปัจจุบันการจัดการกับร่างของน้องหมานั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเผา การฝัง การสต๊าฟ หรือการบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ ซึ่งตามความเชื่อแล้วส่วนมากคนไทยจะเลือกวิธีเผาหรือไม่ก็ฝัง ซึ่งวิธีการเผาในปัจจุบันนั้น วัดบางแห่งก็มีให้เลือกบริการ หรือไม่ก็มีเอกชนที่รับเผาและจัดพิธีให้กับสุนัขที่ตายแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนการฝังนั้นเป็นวิธีที่นิยมทำกัน โดยเฉพาะตามต่างจังหวัดหรือมีพื้นที่มากพอที่จะฝังร่างของสุนัขที่ตายไปได้ บางคนเลือกที่จะฝังร่างของสุนัขไว้ที่สนามหลังบ้านของตัวเอง ในต่างประเทศนั้นการฝังร่างสุนัขไว้ในสวนหลังบ้านก็เป็นที่นิยมทำกัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่แนะนำกันให้ทำเช่นกัน ทำไมกันนะ เรามาดูมุมมองและเหตุผลในอีกแง่มุมกันครับ สาเหตุที่ไม่แนะนำให้ฝังสุนัขไว้ในสวนหลังบ้าน       ในต่างประเทศการฝังสุนัขไว้ในสวนหลังบ้านอาจมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ รวมถึงสัตว์อื่น ๆ ในธรรมชาติได้ กล่าวคือ ในวาระสุดท้ายของสุนัขบางตัวอาจถูกทำให้หลับไปด้วยวิธีการการุณยฆาตรด้วยการฉีดยาให้หลับไป ซึ่งยาบางตัวอาจเป็นพิษที่ตกข้างอยู่ในร่างของสุนัข หากมีสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์อื่น

“ฮีทสโตรก” โรคที่สัตว์เลี้ยงก็เป็นได้ รับมืออย่างไรหากเกิดขึ้นกับสุนัขและแมวในหน้าร้อน“ฮีทสโตรก” โรคที่สัตว์เลี้ยงก็เป็นได้ รับมืออย่างไรหากเกิดขึ้นกับสุนัขและแมวในหน้าร้อน

พอเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน คงไม่ต้องพูดถึงสภาพอากาศว่าร้อนระอุแค่ไหน อากาศร้อนๆ แบบนี้มีหลายโรคที่ต้องระวังโดยเฉพาะ “ฮีทสโตรก” ที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือคนก็สามารถเกิดขึ้นได้ “สพ.ญ. ปาลิดา กีร์ติบุตร” สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ แนะนำวิธีรับมืออาการฮีทสโตรกในน้องหมาและน้องแมวช่วงหน้าร้อน เพื่อให้เจ้าของได้หมั่นสังเกตุหากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของเรา ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับโรคฮีทสโตรกก่อนว่าเป็นอย่างไร และมีความอันตรายกับสัตว์เลี้ยงมากน้อยเพียงใด “ฮีทสโตรก” เป็นโรคที่อันตรายมากหากเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคที่ต้องระวังในหน้าร้อนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยงสามารถเกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกฤดูกาล เพียงแต่ช่วงหน้าร้อนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากที่สุด เนื่องจากอุณหภูมิภายนอกร้อนระอุ การระบายความร้อนของสัตว์เลี้ยงจึงทำได้ยาก สายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงที่สามารถเป็นฮีทสโตรกได้ง่ายคือ น้องหมาพันธุ์หน้าสั้น แต่สถิติการเกิดอาการนอกจากปัจจัยของสายพันธุ์แล้วยังขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำด้วย หากเจ้าของพาน้องหมาออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง อาทิ วิ่งจนหอบเหนื่อยทำให้ระบบเผาผลาญทำงานหนัก อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น

ใครเลี้ยงโปรดรู้ไว้! น้องหมาว่ายน้ำไม่เป็นทุกตัวใครเลี้ยงโปรดรู้ไว้! น้องหมาว่ายน้ำไม่เป็นทุกตัว

สุนัข ว่ายน้ำ เป็นทุกตัวจริงหรือเปล่า? • น้องหมาทุกตัวไม่ได้ ว่ายน้ำ เป็นตั้งแต่เกิด จะมีบางสายพันธุ์เท่านั้นที่สามารถทำได้ เช่น สุนัขตระกูลรีทรีฟเวอร์อย่าง ลาบราดอร์ หรือ โกลเด้น ซึ่งสามารถลอยคอว่ายน้ำในสระ หรือทะเลได้อย่างสบายๆ โดยที่เราไม่ต้องฝึก• ยังมีสุนัขที่ถูกนำมาฝึกว่ายน้ำสำหรับช่วยชีวิตคนโดยเฉพาะ คือ สุนัขสายพันธุ์โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก ซึ่งมีผนังพังผืดที่นิ้วเท้า สามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วคล้ายกับปลาเลยค่ะ หลายคนที่เลี้ยง หรือชื่นชอบน้อง หมา คงต้องเคยสงสัยแน่ๆ ว่าเหล่า น้องหมานั้นว่ายน้ำเป็นทุกตัวตั้งแต่เกิดรึเปล่า บางครั้งอยากพาน้องหมาลงเล่นน้ำ หรือว่ายน้ำด้วยกัน แต่ก็ยังไม่กล้าปล่อยให้น้องหมาว่ายน้ำห่างตัวเอง